เกาะฮาชิมะ..เกาะเรือรบ
ประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นเกาะที่แยกตัวออกมาจากแผ่นดินใหญ่ วางตัวตั้งแต่เหนือจรดใต้ด้วยความยาวกว่า 3,000 กิโลเมตร ประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยกว่า 6,800 เกาะ ซึ่งถ้าสังเกตให้ดีก็จะมีรูปร่างหน้าตาคล้าย “ม้าน้ำ” ซึ่งมีส่วนหัวของม้าน้ำเป็นเกาะฮอกไกโด และส่วนลำตัวยาว ๆ เป็นเกาะฮอนชู มีส่วนหางและครีบเป็นเกาะชิโกกุและเกาะคิวชู โดยชื่อเกาะที่กล่าวมาทั้ง 4 เกาะ ถือว่าเป็นเกาะหลักที่มีผู้คนอาศัยอยู่เยอะที่สุด แต่จะมีใครเชื่อบ้างว่าญี่ปุ่นก็มีเกาะร้างที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เหมือนกันกว่า 500 เกาะ และหนึ่งในนั้นก็มีเรื่องเล่าถึงความลี้ลับความน่ากลัวเกี่ยวกับอาถรรพ์ เหมือนต้องคำสาปแห่งท้องทะเลให้เป็นเกาะร้างมาจนถึงปัจจุบัน เกาะแห่งนั้นมีชื่อว่า “เกาะฮาชิมะ はしま”
เกาะฮาชิมะ เป็นเกาะที่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งห่างจากเมืองนางาซากิ ประมาณ 15 กิโลเมตร สมัยที่เกาะฮาชิมะรุ่งเรืองมันถูกตั้งชื่อว่า Battleship Island หรือ เกาะเรือรบ เกาะแห่งนี้โดดเด่นในด้านอุตสาหกรรมถ่านหิน และจุดประสงค์ของการสร้างเกาะ ก็เพราะต้องการใช้แร่ถ่านธรรมชาติ เพื่อนำขึ้นใช้งานและส่งออก ดังนั้นการทำแร่ถ่านหินจึงเกิดขึ้น แน่นอนว่าสิ่งสำคัญในการทำงานก็ต้องมีแรงงาน ผู้คนเริ่มเข้ามาอยู่ ตั้งถิ่นฐานอาศัยทำมาหากินเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งครอบครัวของคนงานจนเริ่มหนาแน่น ต่อมาในปี 1890 บริษัท Mitsubishi เห็นแววว่าเกาะนี้น่าจะสร้างรายได้มหาศาล จึงตัดใจซื้อเกาะแห่งนี้มันซะเลย โดยมีโครงการว่าจะขุดถ่านหินจากทะเลขึ้นมา
ปี 1916 โครงสร้างคอนกรีตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ได้ถูกสร้างขึ้นที่เกาะฮาชิมะนี้ เพื่อช่วยปกป้องผู้ที่อยู่อาศัยจากพายุไต้ฝุ่นและคลื่นลมทะเล ในปี 1959 เกาะแห่งนี้ทำสถิติมีประชากรอาศัยอยู่ถึง 1,391 คน ต่อพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร เป็นความหนาแน่นที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ในโลก และเพื่อตอบสนองความต้องการของคนบนเกาะนี้ ได้มีการสร้างโรงเรียน โรงแรม โรงพยาบาล ร้านอาหาร รวมไปถึงบาร์และร้านเหล้าอยู่ภายในเกาะด้วย
“เกาะฮาชิมะ” เป็นเกาะที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยเช่นกัน มีเยาวชนญี่ปุ่นจำนวนมากถูกเกณฑ์ไปสนามรบ และสิ่งหนึ่งที่น่าเศร้าคือ มีผู้คนจำนวนมากอดอยากปากแห้ง เนื่องจากสภาวะขาดอาหารจนเสียชีวิต บางคนก็มีอาการเจ็บป่วย เหนื่อยล้าเพราะถูกใช้งานจนหมดเรี่ยวแรง บางคนที่ทนไม่ไหวก็ลงโดดทะเลฆ่าตัวตายตัดปัญหาก็มี
เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการเปลี่ยนแปลงจุดประสงค์ของเกาะฮาชิมะใหม่ คือการนำถ่านหินของฮาชิมะหลอมเป็นเครื่องมือ และทำเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเรือรบ และปืนใหญ่ เพื่อกู้คืนจากความรู้สึกที่อัปยศ และความพ่ายแพ้จากสงครามทำให้เป็นช่วงเวลาทองแห่งความมั่งคั่งและความเจริญเติบโต
แต่ช่างน่าเสียดาย เมื่อกาลเวลาเปลี่ยน อะไรหลายๆ อย่างมันก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เกิดยุคที่ถ่านหินเริ่มล้าสมัย น้ำมันได้เข้ามามีอิทธิพลแทน ในปี 1960 ถ่านหินเลยถูกลืม คนหันมาใช้น้ำมันกันหมด บริษัท Mitsubishi ก็โบกมือลาเกาะแห่งนี้ และได้ทำการปิดเกาะอย่างถาวร ผู้คนที่อาศัยอยู่ ณ เกาะแห่งนี้ก็ต้องอพยพไปหาที่แห่งใหม่ จากเกาะเรือรบที่มีผู้คนอาศัยอย่างหนาแน่น กลายเป็นเกาะร้างที่ไม่มีผู้มาอาศัยอย่างน่าใจหาย
นี่คือรูปถ่ายบนลานของโรงเรียนบนเกาะฮาชิมะ ซึ่งเหล่านักเรียนได้จัดแถวเป็นอักษรคำว่า “サヨナラ ハシマ” ซึ่งแปลว่า “ลาก่อน ฮาชิมะ”
คลื่นน้ำทะเลยังคงซัดสาด แต่ชุมชนที่เคยมีชีวิตชีวา กลายสภาพเป็นที่ร้าง หญ้ารกสูง ซากตึกสูงสง่ามีสภาพผุกร่อน และแตกร้าว สนามเทนนิสที่ไร้ตาข่ายกั้น ทุกพื้นที่กลายเป็นป่ารกน้อย ไปถึงขั้นรกสูง เสียงวู๊ดลมทะเลนั้น เหมือนกับเสียงร่ำไห้ของเกาะที่ต้องการจะบอกว่า ที่แห่งนี้มันเหงาเหลือเกิน กลิ่นชื้นเหม็นอับผสมกับกลิ่นเกลือทะเลยังคงพัดโชยมาตามสายลม ชักชวนคนลองดีมาสัมผัสกับบรรยากาศผีๆ ชาวประมงที่ได้แล่นเรือผ่านเกาะแห่งนี้ ได้แต่ขนลุกสยองเกล้าและตั้งฉายาอีกฉายาหนึ่งว่า Ghost Islands เกาะผี แต่เกาะผีนี้ก็มีชาวต่างชาติแวะมาเยี่ยมเยือน ถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศที่ไม่ค่อยพบเห็นในชีวิตเท่าไรนัก ผู้ใดที่มาเยือนต่างกล่าวขานอย่างมั่นใจว่าที่แห่งนี้คงจะมีอะไรบางอย่างอยู่ด้วย จนไม่กล้าที่จะสัมผัสสิ่งของใดๆ บนเกาะเพราะกลัวว่า เจ้าของเค้าจะไม่พอใจ เพียงถ่ายรูปพร้อมกับขนแขนที่ลุก และโบกมือ บายๆ ลาก่อนเกาะผีเรือรบ แต่ไม่ว่ามันจะมีความน่ากลัวสักขนาดไหน ผู้คนก็ให้ความสนใจ และเข้าไปเยี่ยมชมอยู่เรื่อยๆ
ปี 2003 เกาะฮาชิมะ ได้ถูกทำเป็นสถานที่ถ่ายภาพยนตร์เรื่อง Battle Royale (เกมนรก โรงเรียนพันธุ์โหด) ความน่ากลัวของเกาะฮาชิมะ และนักแสดงทีมงานก็โดนฮาชิมะเล่นงาน โดยกล่าวกันว่า อยู่ดีดีกล้องก็ถ่ายไม่ได้ หรือมีใครก็ไม่รู้ (ไม่ใช่ทีมงาน) เดินผ่านกล้อง หรือไม่ก็ติดอยู่ในฉากมาด้วย และนักแสดงบางคนก็แสดงอาการคลุ้มคลั่งเหมือนว่าโดนอะไรบางอย่างเข้าสิง
ส่วนวีดีโอนี้ เป็นวีดีโอหนึ่งที่คนญี่ปุ่นคนนี้ได้กลับมาที่เกาะฮาชิมะ เกาะที่เค้าเคยอาศัยอยู่ในสมัยที่ฮาชิมะรุ่งเรือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น