วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

Kawagoe (คาวาโกเอะ) ดินแดนแห่งมันหวานญี่ปุ่น


Kawagoe (คาวาโกเอะ) ดินแดนแห่งมันหวานญี่ปุ่น
สัมผัสกลิ่นอายเมืองเก่าที่ ดินแดนแห่งมันหวาน เมืองคาวาโกเอะ  จังหวัดไซตามะ


จังหวัดไซตามะ เมืองคาวาโกเอะ (Kawagoe, Saitama) เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น ดินแดนมันหวานแสนอร่อย นอกจากจะมีดีที่มันหวานแล้ว ใครที่ชอบชมสถาปัตยกรรมเก่าๆ หรือสัมผัสบรรยากาศย้อนยุคพลาดไม่ได้เลย

  
เมืองคาวาโกเอะ ตั้งอยู่ในจังหวัดไซตามะ เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น ดินแดนมันหวานแสนอร่อย  ถ้าหากนั่งรถไฟจากโตเกียวมาก็ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง  จุดเด่นของเมืองคาวาโกเอะคือ การอนุรักษ์สถาปัตยกรรมแบบเก่าๆ ของญี่ปุ่นเอาไว้ โดยจะมีถนนบางสายจะอนุรักษ์สถาปัตยกรรมแบบเก่าๆ  ไม่ว่าจะเป็นห้างร้านหรือบ้านเรือน ต่างก็รักษากลิ่นอายของความเป็นเมืองเก่าเอาไว้ได้อย่างดี ถึงกับได้รับสมญานามว่าเป็นโคะเอโดะ (Koedo 小江戸) “เมืองเอโดะน้อย ซึ่งเมืองเอโดะเป็นชื่อเก่าของโตเกียวในปัจจุบันนั่นเอง 
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในเมืองคาวาโกเอะที่พลาดไม่ได้ก็จะมี หอนาฬิกา (時の鐘ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองคาวาโกเอะ โดยใช้บอกเวลามากว่า 350 ปีแล้ว ปัจจุบันนี้หอนาฬิกาก็ยังคงตีระฆังบอกเวลาวันละ 4 ครั้ง ทุกเวลา 6 โมงเช้า เที่ยง บ่าย 3 โมง และ 6 โมงเย็นค่ะ


เชื่อว่าถนนสายนี้คงต้องถูกใจสาวกมันหวานทุกคนแน่นอน เพราะเมืองคาวาโกเอะมีตรอกขนมหวาน ชื่อว่า “ ตรอกคาชิยะโยโคะโชะ  (菓子屋横丁) ”  ซึ่งเป็นตรอกที่มีร้านขนมหวานตั้งเรียงรายกันเยอะเลยค่ะ โดยเฉพาะขนมจากมันหวาน  ของดีของเมืองคาวาโกเอะ ที่นำไปทำขนมกินเล่นได้หลากหลายรูปแบบ อย่างเช่น อบกรอบ พายมันหวาน มันหวานทอดเคลือบน้ำตาล ไอศกรีมมันหวาน และอีกมากมายสาธยายไม่หมด นอกจากจะมีร้านขนมแล้วยังมีของเล่นย้อนยุคให้เลือกซื้อไปเก็บไว้เล่น หรือเก็บเป็นที่ระลึก นักท่องเทียวหลายคนที่มาตรอกนี้บอกว่า มาที่นี่ทำให้ได้สัมผัสถึงบรรยากาศเก่าๆ ในสมัยโชวะ 

ตรอกคาชิยะโยโคะโชะ
ไอศกรีมมันหวาน

นอกจากมันหวานจะนำมาทำขนมอร่อยๆ แล้ว ที่เมืองแห่งนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์มันหวาน ให้ไปศึกษาประวัติมันหวานกันด้วยค่ะ เรียกว่าทั้งอร่อยทั้งได้ความรู้กันเลยทีเดียว โดยพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวตั้งอยู่บนชั้นสองของ ร้านคามิยะเออิเซน (亀屋栄泉)  ซึ่งร้านนี้เปิดขายมาตั้งแต่สมัยเมจิตอนนี้ก็ราวๆ ร้อยกว่าปี ขนมมันหวานของที่ร้านนี้เป็นขนมทำมือที่สืบทอดการทำแบบดั้งเดิมจากรุ่นสู่รุ่น ชั้นสองเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ที่แนะนำประวัติของร้าน และข้อมูลน่าสนใจของมันหวานตั้งแต่การปลูกจนมาถึงการนำมาทำขนมอย่างในปัจจุบัน รวมไปถึงยังมีเครื่องมือทำขนมแบบโบราณให้ชม

ขนมจากมันหวาน
 ร้านคามิยะเออิเซน 

สำหรับที่ต่อไป มาที่ ถนนคุระซุคุริ ( 蔵造りの町並み)   ถนนสายนี้เรียงรายไปด้วยโกดังที่สร้างในสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ และยังคงรักษากลิ่นอายของเมืองเอโดะในสมัยก่อนไว้ ซึ่งเรียกการสร้างโกดังแบบนี้ว่า โกดังแบบคุระซุคุริและ พิพิธภัณฑ์คาวาโกเอะคุระซุคุริ นี้ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและสัมผัสบรรยากาศการใช้ชีวิตในสมัยเอโดะอีกด้วยค่ะ

  
นอกจากจะรักษาเอกลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่นไว้ให้เยาวชนรุ่นหลัง และนักท่องเที่ยวเข้ามาศึกษา รวมไปถึงสัมผัสบรรยากาศเมืองเก่าแล้ว เมืองคาวาโกเอะก็ยังรักษาผลผลิตจากธรรมชาติอันมีค่าอย่าง มันหวานไว้ตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน ถ้าอยากลองสัมผัสบรรยากาศอีกมุมหนึ่งของญี่ปุ่นก็ลองเปลี่ยนจากไปช็อปปิ้งในโตเกียวมาเที่ยวที่คาวาโกเอะดูสักครั้ง


Okayama (โอคายะมะ) อาณาจักรแห่งลูกท้อ


Okayama (โอคายะมะ) อาณาจักรแห่งลูกท้อ


โอคะยะมะ (Okayama) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ ด้านตะวันออกสุดของภูมิภาคจูโกขุ (Chugoku) เชื่อมต่อเกาะฮอนชู (Honshu) และเกาะชิโคขุ (Shikoku) จึงเปรียบเสมือนประตูด่านแรกหรือชุมทางคมนาคมที่สำคัญของภูมิภาคนี้
ทางเหนือ ติดต่อกับจังหวัดโทตโทริ (Tottori) เป็นอุทยานแห่งชาติ Daisen Oki รวมถึงพื้นที่ราบสูง Hiruzen ที่มีรีสอร์ทเล่นสกี อุดมด้วยแหล่งอาบน้ำแร่ ธรรมชาติมากมาย และทะเลสาบยุบะระ (Yubara)
ทางตะวันตก ติดต่อกับเมืองฟุคุยะมะ(Fukuyama)ของจังหวัดฮิโรชิมะ(Hiroshima)
ทางใต้สุด หันสู่แนวชายฝั่งทะเลในเซโตะ (Seto Naigai) มีสะพานเซโตะ (Seto Ohashi) เชื่อมจากเมืองท่าโอคะยะมะ (Okayama) ระหว่างเกาะ Honshu และเกาะ Shikoku เป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลก สวยและเป็นเส้นทางคมนาคมที่สะดวกมาก เพราะเป็นทั้งเส้นทางรถยนต์ เส้นทางรถไฟ และเส้นทางจักรยาน


เนื่องด้วยทำเลที่อยู่ริมทะเลในเซโตะโอฮะชิ  ทำให้ภูมิอากาศอบอุ่นเหมาะแก่การปลูกผลไม้เมืองหนาว โดยเฉพาะ ลูกท้อขาวหวานหอม และผลองุ่นเขียวหวาน ที่สามารถเด็ดชิมได้ตลอดฤดูร้อนจะกระทั่งฤดูใบไม้ร่วง จึงได้ชื่อเป็นอาณาจักรผลไม้แห่งภูมิภาค Chugoku 

สะพานทะเลในเซโตะโอฮะชิ  Seto Naigai

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมีทั้งสวนญี่ปุ่น ปราสาท พิพิธภัณฑ์ ศาลเจ้าชินโต วัดพุทธ ถ้ำ และโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ ตามเมืองท่า
เมืองโอคะยะมะ เป็นเมืองท่าสำคัญ ในเขต Bizen มีแม่น้ำอะซะฮิไหลผ่านที่ฝั่งขวาของแม่น้ำมี ปราสาทโอคะยะมะ ตั้งตระหง่านได้ฉายาว่าปราสาทกาเหว่า เพราะกำแพงปราสาทเป็นสีดำ ได้รับการบูรณะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝั่งซ้ายของแม่น้ำ มีสวนญี่ปุ่น โอคะยะมะ โคระคุเอน (Okayama Korakuen) เป็นสวนสวยติดอันดับหนึ่งในสามของญี่ปุ่น สวนถูกจัดแบบ Kaiyu โดยผสมผสานระหว่างสายน้ำกับใบหญ้าและดอกไม้ทุกฤดูกาลเสมือนการจำลองความงามแห่งธรรมชาติทั้งสี่ฤดูไว้อย่างกลมกลืน น่าชมยิ่งนัก
การเดินทาง จากสถานี Shin Osaka โดยรถไฟด่วนพิเศษสาย Sanyo Shinkansen ลงที่สถานี Okayamaใช้เวลา 50 นาที

 โอคะยะมะ โคระคุเอน (Okayama Korakuen)

ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองโอคะยะมะ (Okayama) เป็นเขต Mimasaka มีเมืองจึยะมะ (Tsuyama) ตั้งอยู่ ในเมืองมีปราสาท Tsuyama ที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 ใช้เวลาสร้าง 13 ปี เป็นปราสาทที่ดีที่สุดของภูมิภาคนี้ ปัจจุบันรอบบริเวณได้รับการปรับปรุงให้เป็น สวนสาธารณะคะคุซัน (Kakuzan Park) ที่ปลูกต้นซะคุระกว่าพันต้นพร้อมจะบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ ให้นักท่องเที่ยวได้ชมปราสาทที่รายล้อมด้วยต้นซะคุระสีชมพูทั้งกลางวันจรดค่ำคืน จัดเป็นสวนชมดอกซะคุระที่มีชื่อเสียงของภูมิภาคนี้
การเดินทาง จากสถานี JR Okayama โดยรถไฟขบวนรถเร็วสาย JR Tsuyama ไปลงที่สถานี JR Tsuyama ใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม. 10 นาที      

ปราสาท Tsuyama และ สวนสาธารณะคะคุซัน 
  
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองโอคะยะมะ มี ถนนสายคิบิ (Kibi Road) ในศตวรรษที่ 8 เคยเป็นอาณาจักรคิบิ (Kibi no Kuni) ปัจจจุบันยังมีเจดีย์ห้าชั้นที่ วัดบิทชูโคคุบุนหยิ (Bitchu Kokubunji) ที่ถูกสร้างโดยพระจักรพรรดิ์โชมุ (Shomu) เป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรือง ยังได้มีการขุดพบโบราณสถานหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับนิทานพื้นบ้านเรื่องโมโมทะโร่ (Momotaro) เจ้าหนูที่เกิดจากลูกท้อด้วย ไม่ไกลจากสถานีเจอาร์อิจิโนมิยะ (JR Ichinomiya) มี ศาลเจ้าคิบิจึ (Kibitsu Shrine) ที่ถูกสร้างอย่างมีเอกลักษณ์ทรงสวยสง่าทั้งส่วนในและนอกศาล จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติ
การเดินทาง จากสถานี JR Okayama โดยสาย JR Kibi Line ไปลงที่สถานี JR Bizen Ichinomiya ใช้เวลาเพียง 10 นาที หรือโดยสารรถบัสประจำทาง Chutetsu Bus ไปศาลเจ้า เพียง 15 นาที 

วัดบิทชูโคคุบุนหยิ (Bitchu Kokubunji) และ ศาลเจ้าคิบิจึ (Kibitsu Shrine)

เมืองคุระชิคิ (Kurashiki) ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองโอคะยะมะ ในเขต Bicchu เป็นเมืองท่าการค้าที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ยุคเอโดะ ในอดีตเคยเป็นเมืองที่มีพ่อค้าทำการค้าเจริญมั่งคั่ง สร้างเป็นตึกร้านค้าเรียงรายตามถนน หันหน้าสู่แม่น้ำคุระชิคิที่มีต้นหลิวลู่ลมสมบรรยากาศย้อนยุค ปัจจุบันได้รับการอนุรักษ์เป็นย่านประวัติศาสตร์ (Bikan Chiku) ห่างไปไม่ไกลนัก มี พิพิธภัณฑ์ของเล่นญี่ป่น (Japanese Toy Museum) จัดแสดงของเล่นที่ถูกสะสมมาจากทั่วญี่ปุ่นประมาณหมื่นชิ้น ในห้องที่ได้รับการดัดแปลงมาจากยุ้งฉาง นอกจากนี้ยัง มีพิพิธภัณฑ์โอฮะระ(Ohara Museum) เป็นที่แสดงผลงานศิลปดินเหนียวทั้งจากทั้งทวีปเอเชียตะวันออกและทวีปยุโรปตะวันตก อาทิ ผลงานชิ้นเอกของศิลปิน Monet และ El Greco 
การเดินทาง เริ่มจากสถานี JR Okayama โดยรถไฟสาย JR Sanyo Line ลงที่สถานี JR Kurashiki ใช้เวลาเพียง 15 นาที เท่านั้น

ย่านประวัติศาสตร์ (Bikan Chiku)
พิพิธภัณฑ์ของเล่นญี่ป่น (Japanese Toy Museum) 
พิพิธภัณฑ์โอฮะระ(Ohara Museum)

ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองคุระชิคิ เป็นที่ตั้ง เมืองทะคะฮะชิ (Takahashi) มี วัดไรคิวหยิ (Raikyuji) ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 ภายในวัดจัดเป็นสวนเซน ที่ได้รับการจัดจำลองธรรมชาติอย่างงดงาม

วัดไรคิวหยิ (Raikyuji)

ถัดขึ้นไปอีกทางตะวันตกเฉียงเหนือ มี ถ้ำอิคุระ Ikura Cave ที่มีธารน้ำจากแม่น้ำทะคะฮะชิ (Takahashi River) ไหลผ่านภายในถ้ำ บริเวณรอบถ้ำเป็นหุบเขาอิคุระ (Ikura Groge) ที่มีใบไม้ปลี่ยนสีให้ชมในฤดูใบไม้ร่วงด้วย นอกจากนี้ยังมีถ้ำมะคิโดะ (Makido Cave) ที่มีทะเลสาบใต้ดินภายในถ้ำด้วย
การเดินทาง จากสถานี JR Kurashiki โดยสารรถไฟด่วนสาย JR Hakubi Line ไปลงที่สถานี Bichu Takahashi แล้วต่อรถแท็กซี่ไปชมศาลเจ้า หากสนใจไปเที่ยว ถ้ำอิคุระ หรือ ถ้ำมะคิโด ก็เพียงแต่เปลี่ยนรถไฟสาย JR Hakubi Line เป็นขบวนรถเร็วต่อไปลงที่สถานีย่อย JR Ikura ใช้เวลา 25 นาที แล้วต่อรถบัสประจำทางไปที่หน้าถ้ำที่อยู่ไม่ไกลนัก

ถ้ำอิคุระ Ikura Cave
แม่น้ำทะคะฮะชิ (Takahashi River)
ถ้ำมะคิโดะ (Makido Cave)

ขี้นเหนือไปเป็นเมืองนิอิมิ (Niimi) อุดมด้วยแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติ Onsen หลายแห่ง ต่อเนื่องถึงเมืองมะนิวะ (Maniwa) อาทิ Yubara Onsen และ Okutsu Onsen จรดทางตะวันออกเฉียงเหนือล้วนเต็มไปด้วยแหล่งน้ำแร่ และลานสกีในฤดูหนาว
การเดินทางท่องเที่ยวเมืองโอคะยะมะ ทำได้อย่างสะดวกตลอดปีทุกฤดูกาล เพราะเป็นชุมทางคมนาคมแห่งภูมิภาคนี้ จึงสามารถเดินทางต่อไปยังจังหวัด Tottori ได้อีก ความสมบูรณ์ของทรัพยากรการท่องเที่ยวทั้งอาหารทะเล และ ผลท้อหวานหอม ที่เป็นเสน่ห์ชวนให้แวะไปชิมผลท้อขาวในฤดูร้อน

Yubara Onsen
Okutsu Onsen

เรื่องโดย : Mari Mirei www.marumura.com


วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556

เที่ยวโอซาก้า : Osaka Aquarium (Kaiyukan) พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้า

เที่ยวโอซาก้า : Osaka Aquarium (Kaiyukan) พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้า


ที่ โอซาก้าอควาเรี่ยม (Osaka Aquarium)หรือที่รู้จักกันในภาษาญี่ปุ่นว่า ไคยุกัง (KAIYUKAN 海遊館ตั้งอยู่ที่บริเวณ Tempozan Harbor Village ริมอ่าวโอซาก้า ในภูมิภาคคันไซ ของประเทศญี่ปุ่น นับเป็นอควาเรี่ยมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

Tempozan Harbor Village

จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยุกังนี้ก็คือการนำเอาสัตว์น้ำที่กำเนิดและดำรงชีวิตอยู่ในบริเวณ วงแหวนไฟ หรือ Ring of Fire (Pan Pacific Volcanic Zone) รวมถึง วงแหวนชีวิต หรือ Ring of Life (Pan Pacific Life Zone) มาจัดแสดง นอกจากจะทำให้ผู้เข้าชมในอควาเรี่ยมได้เพลิดเพลินกับสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลแล้ว ยังให้ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพวกมัน รวมถึงสร้างจิตสำนึกที่จะร่วมกันอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตเหล่านี้



วงแหวนไฟ (สีแดง) และวงแหวนแห่งชีวิต (สีเขียว)
โดยทางไคยุกังจะยึดถือเรื่องคุณค่าของทุกๆ ชีวิต และสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ นำเสนอแนวคิดที่ว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อาศัยอยู่บนโลกเป็นระบบสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งที่ต่างก็เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ที่นี่จึงจัดว่าเป็นสถานที่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติใต้ท้องทะเลที่มีความสำคัญมาก
สำหรับคำว่า Kaiyukan มีความหมายในภาษาญี่ปุ่น คือ การเล่นสนุกอยู่ในท้องทะเล (Playing in the Sea Pavilion) ภายในไคยุกังจึงเสมือนเป็นที่ที่ซึ่งพาทุกท่าน ไปพบกับความเพลิดเพลินกับกับสิ่งมีชีวิตอันหลากหลาย เหมือนกับเรากำลังเล่นอยู่กับเจ้าสัตว์น้ำในท้องทะเล



ไคยุกังมีแท้งก์แสดงสัตว์น้ำหลักๆ จำนวน 15 แท้งก์ ดังนี้ Aqua Gate, Japan Forest, Aleutian Islands, Monterey Bay, Gulf of Panama, Ecuador Rain Forest, Antarctica, Tasman Sea, Great Barrier Reef, Pacific Ocean, Seto Inland Sea, Coast of Chile, Cook Strait, Japan Deeps, Floating Jelly Fish ซึ่งเมื่อเข้าไปในไคยุกังแล้ว ควรขึ้นบันไดเลื่อนไปเริ่มต้นที่ชั้น 8 สำหรับแท้งก์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ Pacific Ocean ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในไคยุกังด้วย ลึกถึง 9 เมตร มีฉลามวาฬแวกว่ายโดดเด่นอยู่ท่ามกลางฝูงปลาตัวเล็กตัวน้อย และมีปลากระเบนลายจุดคอยเรียกร้องความสนใจอยู่ภายในแท้งก์เดียวกัน ถ้าได้ไปยืนนิ่งๆ อยู่หน้าแท้งก์ จะเหมือนกำลังดูพวกมันบินอยู่บนฟ้า มากกว่ากำลังว่ายน้ำอยู่ในแท้งก์




การเดินชมภายในโอซาก้า อควาเรี่ยม หรือไคยุกังนี้ โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 45 – 60 นาที แต่นักท่องเที่ยวมักจะเดินชมเพลินจนลืมเวลา บางครั้งอาจจะใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง บริเวณทางออกก็ยังมีกับดักเรียกความสนใจอย่าง KAIYUKAN Museum Shop ให้เราได้เลือกซื้อของที่ระลึกเก๋ๆ ที่นำเอาคาแร็คเตอร์ของเจ้าสิ่งมีชีวิตน่ารักๆ ที่เราเพิ่งจะได้ชมมา



การเดินทาง
นั่งรถไฟใต้ดินสาย Chuo Line มาลงที่สถานี Osakako จากนั้นก็เดินประมาณ 5 นาที หรือจะนั่งเรือข้ามฟาก Captain Line มาจากท่าเรือ USJ Port ของสวนสนุกระดับโลกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอเจแปน (Universal Studios Japan : USJ) ก็ใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาที เท่านั้น
บริเวณที่เรียกว่า Tempozan Harbor Village นี้ นอกจากจะเป็นที่ตั้งของไคยุกังแล้ว หลักๆ ก็ยังมี Tempozan Marketplace (เปิด 11.00 น. – 20.00 น.) ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งครบวงจร มีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อ และร้านอาหารอีกไม่น้อย จุดเด่นของที่นี่ก็คือมี Tempozan Giant Ferris Wheel หรือชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ยักษ์ให้นั่งชมวิวจากมุมสูง



สำหรับใครที่มีโอกาสแวะไปที่จังหวัดโอซาก้า ก็อย่าลืมแวะไปทักทายน้องๆ สัตว์น้ำทั้งหลาย ที่เรียงรายมาอวดโฉมให้คุณได้สัมผัสแค่เอื้อมมือแตะ เด็กๆ ชื่นชอบ ผู้ใหญ่ก็เพลิดเพลินกันได้ที่...Osaka Aquarium Kaiyukan!



Osaka Aquarium KAIYUKAN ตั้งอยู่ที่บริเวณอ่าวโอซาก้า ในจุดที่เรียกว่า   Tempozan Harbor Village

เปิดบริการทุกวัน     ตั้งแต่ 10.00 น. – 20.00 น. (อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามฤดูกาล)

อัตราค่าเข้าชม (ข้อมูล ณ  28 ก.พ. 2012)
สำหรับผู้ใหญ่ (16+)               2,000 เยน
สำหรับเด็ก (7-15)                  900 เยน
สำหรับเด็กเล็ก (4-6)              400 เยน

หมายเหตุ
วงแหวนไฟคือบริเวณที่แผ่นเปลือกโลกมีการเคลื่อนไหวบ่อยครั้ง จึงมีภูเขาไฟหลายแห่งและสามารถเป็นวงกลมรอบมหาสมุทรแปซิฟิกได้ ส่วนวงแหวนแห่งชีวิตก็คือบริเวณที่มีสัตว์ทะเลหนาแน่น


เที่ยวจังหวัดโทตโทริ (Tottori)


เที่ยวจังหวัดโทตโทริ (Tottori)


โทตโทริ (Tottori) เป็น 1 ใน 5 จังหวัดที่ตั้งอยู่ริมทะเลญี่ปุ่น ทางตะวันออกเฉียงเหนือของภูมิภาคจูโกขุ (Chugoku) ในอดีตเคยเป็นสมรภูมิสงคราม และ เมืองปราสาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขตซันอินในยุคสมัยเอโดะ


ทิศเหนือ เป็นชายฝั่งทะเลที่ยาวจรดทางตะวันออกเหมาะกับการหาปลา ดำน้ำ ชมอาทิตย์อัสดงสวยงาม
ทิศตะวันออก ติดกับจังหวัดเฮียวโก (Hyogo) มีเมืองโทตโทริอยู่ใกล้ชายทะเล และ มีน้ำตกอะเมะดะคิ
ทิศตะวันตก ติดกับจังหวัดชิมะเนะ มีเมืองโยนะโกะเป็นศูนย์กลางริมทะเล มีภูเขาและบ่อน้ำแร่มากมาย
ทิศใต้ เป็นที่ราบสูง ติดกับจังหวัดโอคะยะมะ ที่บ่อน้ำพุร้อนหลายแห่ง

การเดินทาง จากสถานีโอซะกะโดยสารรถไฟด่วนขบวน Super Hakuto สาย Chizu Kyuko Line ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที ลงที่สถานี JR Tottori

แหล่งท่องเที่ยวถูกแบ่งออกเป็นเขต ดังต่อไปนี้คือ
เขตตะวันออก ในเมืองโทตโทริ ที่เคยเป็นเมืองปราสาท มีสวนพิพิธภัณฑ์ต่างๆ และเนินทรายสวย มี สวนคิวโช (Kyusho Park) ที่ล้อมรอบปราสาทโทตโทริ เป็น 1 ใน 100 แห่งที่มีชื่อด้านการชมดอกซะคุระบาน จากต้นกระทั่งกลางเดือนเมษายน และงานเทศกาลอื่นๆ ตลอดปี นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์ของเล่น (Warabekan Toy Museum) มีของเล่นญี่ปุ่นที่น่าสนใจให้ชมมากมาย และพิพิธภัณฑ์ปู (Kani Kaikan) มีปูหลายหลากสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่แถบน่านน้ำในทะเลญี่ปุ่น

 (สวนคิวโช Kyusho Park) 
(ปราสาทโทตโทริ) 
พิพิธภัณฑ์ของเล่น (Warabekan Toy Museum)

บริเวณนอกเมืองมีเนินทรายธรรมชาติ (Sand Dunes) เป็นที่เกิดจากเถ้า ภูเขาไฟไดเซน (Mt.Daisen) ที่ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำเซนได (Sendaigawa) ถูกลมจากทะเลพัดมารวมกองเป็นเวลานานนับแสนปี จนกลายเป็นเนินกว้างจากเหนือจรดใต้เป็นระยะทาง 2 ก.ม.และเป็นระยะทางยาวจากตะวันออกจรดตะวันตก 16 ก.ม. ถูกจัดเป็นเนินทรายสวยที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในเขตอุทยานชายทะเลแห่งชาติซันอิน (San-in Kaigan National Park)

(เนินทรายธรรมชาติ Sand Dunes)

การเดินทาง ใช้รถบัสสีขาวแดง สาย Kirin Jishi จากหน้าสถานี Tottori ลงที่ป้าย Tottori Jo–ato ใช้เวลาเพียง 10 นาที ลงแวะเที่ยวสวนปราสาท แล้วขึ้นต่อไปลงที่ป้ายพิพิธภัณฑ์ Warabekan Museum ซึ่งเป็นป้ายถัดไป แล้วแวะชมพิพิธภัณฑ์ปู จากนั้นขึ้นต่อไปถึงสุดสายที่ป้ายเนินทราย (Sakyu Kaikan Bus Stop) แล้วขึ้นไปชมเนินทรายเป็นจุดหมายปลายทางท้ายสุด ตลอดเส้นทางจากต้นทาง ถึงปลายทางแล้วย้อนกลับไปที่ต้นทางที่หน้าสถานีโทตโทริ โดยใช้บัตรรถบัสคิรินหยิชิรายวัน จ่ายค่าโดยสารเพียง 600 เยน นับว่าคุ้มค่าที่สุด

นอกจากนี้ยังมีแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติหลายแห่ง อาทิ Yoshioka Onsen อยู่ท่ามกลางขุนเขาที่สงบได้ถูกพบเมื่อพันกว่าปีก่อน
การเดินทาง ไปโดยรถประจำทางที่ออกจากหน้าสถานีโทตโทริ ใช้เวลา 25 นาที Hamamura Onsen ไม่ไกลจากสถานี JR Hamamaru บนสายรถไฟ JR San-in Honsen ถัดไป คือ Shikano Onsen ที่ตั้งอยู่ในเมืองปราสาทเก่า น้ำแร่ที่นี่มีคุณสมบัติด้านการบำบัดโรคได้


ทางเขตตอนกลาง ในเมืองปราสาทเก่าชื่อ คุระโยชิ (Kurayoshi Castle Town) ที่ยังคงเหลือร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์การค้าเป็น อาคารร้านค้ากำแพงขาว (Shirakabe) ประกอบด้วย หลังคากระเบื้องแดง (Akagawara)จากยุคสมัยเอโดะสู่ยุคสมัยเมจิเรียงรายริมแม่น้ำทะมะคะวะ 
การเดินทาง ไปโดยรถบัสจากหน้าสถานี JR Kurayoshi ลงตามย่านร้านค้าเก่าทั้งสองย่าน 


นอกจากนี้ยังมี โรงงานผลิตตัวการ์ตูน Gosho Aoyama Manga Factory ที่น่าแวะชม
การเดินทาง ไปจากสถานี JR Yura บนสายรถไฟ JR San-in Honsen  ใช้เวลาเดิน 20 นาที

โรงงานผลิตตัวการ์ตูน Gosho Aoyama Manga Factory

ส่วนนอกเมืองยังมีแหล่งเที่ยวตามธรรมชาติ อาทิ ทะเลสาบโทโกะ (Togo Lake) ที่ถูกรายล้อมด้วยรีสอร์ทที่มีน้ำแร่ธรรมชาติ และสวนจีนที่งดงาม อีกทั้ง น้ำตกไดเซนดะคิ (Daisendaki Fall)

 ทะเลสาบโทโกะ (Togo Lake)
น้ำตกไดเซนดะคิ (Daisendaki Fall)

ที่สำคัญยังมีสถานที่ซึ่งเป็นสมบัติแห่งชาติที่เรียกว่า วิหารนางาอิเระโดะ (Nageiredo) หรือโถงส่วนในของวัดซันบุทสึจิ (Sanbutsuji) ซึ่งถูกสร้างอยู่ริมผาสูงจากพื้นราบกว่า 520 เมตร ที่ถูกสร้างมาแล้วกว่า 1,300 ปี เคยเป็นสถานที่ฝึกตนของเหล่าพระสงฆ์

วิหารนางาอิเระโดะ (Nageiredo)

เขตตะวันตกของจังหวัดนี้ มี เมืองโยนะโกะ (Yonago) เป็นประตูสู่อุทยานแห่งชาติภูเขาไดเซน (Mt.Daisen National Park) และคาบสมุทรยุมิกะฮะมะ (Yumigahama) ที่มีเมืองซะไกมินะโตะ (Sakaiminato City) ที่เป็นบ้านเกิดของนักเขียนการ์ตูนผี ชื่อนาย Mizuki Shigeru จึงได้มีการสร้างพิพิธภัณฑ์ Mizuki Shigeru Museum เพื่อจัดแสดงประวัติ ผลงาน ที่มีชื่อเสียงของเขา และบนทางเท้าของถนนชิเกรุ ยังมีหุ่นทองแดงรูปผีต่างๆ กว่า 120 ตัว ยืนเรียงราย ดูแล้วเพลิดตาดีไม่น่ากลัวแต่น่าถ่ายรูปยิ่งนัก

อุทยานแห่งชาติภูเขาไดเซน (Mt.Daisen National Park)
คาบสมุทรยุมิกะฮะมะ (Yumigahama)
พิพิธภัณฑ์ Mizuki Shigeru Museum 

ในเมืองนี้ยังมีแหล่งประวัติศาสตร์ ที่เป็นย่านอาคารร้านค้าบ้านกำแพงขาวเรียงราย ริมแม่น้ำคะโมะงะวะ (Kamogawa Shirakabe Storehouses) ที่เคยเป็นเมืองท่าค้าขายในยุคสมัยเอโดะ

ร้านค้าบ้านกำแพงขาวริมแม่น้ำคะโมะงะวะ

การเดินทาง ไปจากสถานี JR Yonago โดยรถบัสแดง Dan Dan Bus ลงที่ป้าย Tenjin-bashi แล้วเดินชมแหล่งประวัติศาสตร์การค้าย้อนยุคของเมืองโยนะโกะตามสบาย
เนื่องด้วยทำเลที่อยู่ริมอ่าวใกล้ทะเล จึงมี สวนสาธารณะมินะโตะยะมะ (Minatoyama Park) เป็นจุดชมดอกซะคุระที่ยอดนิยม เมื่อไต่ขึ้นเนินสูงขี้นไปอีก ยังมี ปราสาทโยนะโกะ (Yonago Castle) เป็นจุดที่สามารถเพลิดเพลินกับการชมทิวทัศน์ของภูเขาไฟไดเซน (Mt.Daisen) และทะเลใน (Nakanoumi) ได้ด้วย

สวนสาธารณะมินะโตะยะมะ และ ปราสาทโยนะโกะ

ส่วนนอกเมืองมีสวนดอกไม้ในโดมกลมขนาดใหญ่มีชื่อว่า Tottori Hanakairo Flower Park
การเดินทาง จากสถานี JR Yonago มีบริการรถรับส่งฟรี ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที

สวนดอกไม้ Tottori Hanakairo Flower Park

นอกจากนี้ยังมีแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติจากใต้ทะเล ซึ่งเป็นที่นิยมในเขตซันอิน อยู่ริมทะเลญี่ปุ่นชื่อ ไคเค (Kaike  Onsen) และวัดพุทธไดเซนหยิ (Daisenji Temple) ที่ตั้งอยู่ทางขึ้นเขา วัดนี้เคยเป็นศูนย์ฝึกพระตอนปลายสมัยเฮอัน (Hei-an) ถึงต้นสมัยมุโระมะจิ (Muromachi) ระหว่างศตวรรษที่14—15
การเดินทาง จากสถานี JR Yonago โดยรถบัสสีขาวแดง (Daisen LoopBus) ไปลงที่วัดไดเซนหยิ (Daisenji) ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ขากลับจะแวะแช่น้ำแร่ริมทะเล ที่ไคเคะออนเซน (Kaike Onsen) ก็ได้

วัดพุทธไดเซนหยิ