วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ยุโรป เมืองสวรรค์ของนักดื่มเบียร์


BEER LOVERS


ยุโรป ..เมืองสวรรค์ของนักดื่มเบียร์ 
“การดื่มเบียร์” เป็นวัฒนธรรมของชาวยุโรปที่สั่งสมและสืบทอดกันมาช้านาน จนกลายเป็นที่แพร่หลายและนิยมไปทั่วโลก
วันนี้เราจึงจะมานำเสนอ"เมืองสวรรค์ของนักดื่มเบียร์ ในยุโรป ที่ “เบียร์” ไม่ได้เป็นแค่สิ่งที่นิยมแพร่หลายเท่านั้น 
แต่ยังหมายถึงส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตดั้งเดิมและเป็นเสน่ห์ที่คุณต้องได้มาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง


Bruges, Belgium

เบลเยียม ประเทศที่ไม่ได้มีชื่อเสียงเฉพาะช็อกโกแลตเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีการผลิตเบียร์ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ทั่วประเทศมีโรงงานผลิตเบียร์มากกว่า 120 แห่ง
ซึ่งผลิตเบียร์หลากหลายถึง 350 ชนิด โดยทั่วไปจะมีสูตรพิเศษในการผลิตด้วยการใส่ส่วนผสมของผลไม้หลายชนิดลงไป 
โดยเฉพาะ Bruges เมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศที่รายล้อมไปด้วยโรงเบียร์น้อยใหญ่ จนได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของนักดื่มเบียร์เลยทีเดียว


Amsterdam, Netherlands

เนเธอร์แลนด์เป็นบ้านเกิดของเบียร์ที่โด่งดังไปทั่วโลก อย่าง Heineken ที่ท่านจะได้พบเห็นการโฆษณาเบียร์แบรนด์นี้ได้ทั่วทั้งเขตเมืองหลวง ในกรุง Amsterdam 
นอกจากนี้ที่นี่ยังเต็มไปด้วยบาร์เบียร์สำหรับขาดื่ม ให้ได้ทดลองรสชาติของเบียร์หลากหลายชนิด พร้อมบรรยากาศที่นักปาร์ตี้ต่างต้องหลงใหล


Prague, Czech Republic

ชาวเช็กมีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องการดื่มเบียร์ติดอันดับโลก เพราะรสชาติของเบียร์เช็กนั้นขึ้นชื่อเรื่องความเข้มและกลมกล่อมเป็นอย่างยิ่ง 
ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ชื่อดังอย่าง Pilsner Urquell, Gambrinus, Budvar หรือ Bernard ซึ่งเบียร์ดำนับเป็นเอกลักษณ์ของเบียร์เช็กเลยทีเดียว 
และกรุง Prague ก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการลิ้มลองเบียร์ฉบับเช็กแท้ๆ


Munich, Germany

แน่นอนว่าหากพูดถึงเรื่องเบียร์แล้วจะขาดเยอรมันไปไม่ได้เลย และโดยเฉพาะเมือง Munich ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างมากจากเทศกาลเบียร์ Oktoberfest ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก แต่นอกจากช่วงเทศกาลดังกล่าวแล้ว มิวนิคก็ยังคงดึงดูดนักดื่มจากทั่วโลกให้มาเยือนได้อยู่เสมอ โดยในเขตเมืองจะเป็นที่ตั้งของโรงเบียร์ชื่อก้องโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Löwenbräu, Augustinerbräu และ Hofbräuhaus ซึ่งนอกจากจะเสิร์ฟเบียร์ท้องถิ่นสไตล์บาวาเรียแล้วยังมีเมนูอาหารเยอรมันที่เข้ากับเบียร์ได้เป็นอย่างดี




สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-661-9399 หรือ Line: @Eliteholiday

'บูดาเปสต์' ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ


'บูดาเปสต์' ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ


“บูดาเปสต์” (Budapest)
 เป็นนครหลวงของประเทศฮังการีที่รวมเอาสองเมืองเข้าด้วยกัน 
คือเมือง "บูดา" กับเมือง "เปสต์" รวมกันเมื่อปี 1873 บูดาเปสต์นั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่มีความงดงามติดอันดับโลก 
จนได้รับสมญานามว่า “บูดาเปสต์ ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ด้วยเพราะทัศนียภาพบนสองฝั่งแม่น้ำดานูบ (Danube) 
หรือที่คนฮังกาเรียนเรียกขานว่า ดูนา (Duna) เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านกลางเมือง

ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำดานูบ มีภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับซับซ้อนเรียกว่าฝั่งบูดา (Buda) เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างสถาปัตยกรรมโบราณและศิลปวัฒนธรรมอันเก่าแก่ 
ส่วนฝั่งเปสต์ (Pest) มีลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นราบ เป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญของเมือง


ฮีโร่สแควร์ (Hero Square)
 สถานที่แห่งนี้เป็นลานโล่งกว้างขนาดใหญ่ ที่มีอนุสาวรีย์แห่งสหัสวรรษ (Millennium Memorial) ตั้งตระหง่านอยู่กลางลานฮีโร่สแควร์ อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งอาณาจักรฮังการีครบรอบหนึ่งพันปี เสาสูงตระหง่านของอนุสาวรีย์ เป็นที่ตั้งของรูปหล่อเทวทูตกาเบรียล 
อันเป็นสัญลักษณ์ของคริสตจักรโรมันคาทอลิกที่เป็นดั่งหลักของอาณาจักรฮังการี 


อาคารรัฐสภาฮังการี (Hungary Parliament)
 ถือว่าป็นสัญลักษณ์ของฮังการี อาคารรัฐสภาตั้งโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำดานูบบนฝั่งเปสต์ 
เป็นอาคารรัฐสภาที่ชาวฮังกาเรี่ยนภูมิใจว่าเป็นอาคารรัฐสภาที่สวยที่สุดในโลก เพราะตัวอาคารมีความสวยงามด้วยสภาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิคที่ดูคลาสสิค 
โดยรูปแบบอาคารได้รับอิทธิพลมาจากอาคารรัฐสภาแห่งลอนดอน สหราชอาณาจักร


มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St.Stephen Basilica)
 เป็นมหาวิหารที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่เซนต์สตีเฟน 
กษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชอาณาจักรฮังการี มหาวิหารแห่งนี้มีความสูงถึง 96 เมตร ถือว่าป็นอาคารที่มีความสูงที่สุดในบูดาเปสต์ ภายในมหาวิหารโอ่โถงอลังการท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ การตกแต่งภายในถึงแม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็แฝงไว้ด้วยความงดงามทางสถาปัตยกรร


สะพานเชน (Chain Bridge) 
หรือสะพานโซ่ เป็นอีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของบูดาเปสท์ 
สะพานเชนแห่งนี้เป็นสะพานถาวรแห่งแรกที่ทอดตัวข้ามแม่น้ำดานูบ เป็นสะพานที่มีความสวยงามอย่างมาก มีรูปปั้นแกะสลักสิงห์โตที่สะพาน




สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-661-9399 หรือ Line: @Eliteholiday

ต้นกำเนิดพาสต้า


ต้นกำเนิดพาสต้า


ต้นกำเนิดพาสต้า

ยังมีการถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบันถึงต้นกำเนิดของพาสต้าที่แท้จริง บ้างก็บอกว่าอิตาลี บ้างก็บอกว่าจีน บ้างก็ว่าอาหรับ
จากการบันทึกของประวัติศาสตร์ เราจะเห็นว่า มาร์โกโปโล พ่อค้านักเดินทางชาวอิตาเลี่ยนได้นำบะหมี่จากจีนเข้ามาประเทศอิตาลีในปี 1295 
แต่ในขณะเดียวกันนักโบราณคดีด้านอาหารก็ได้กล่าวไว้ว่าเส้นพาสต้าบางรูปแบบก็ได้ปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์



ณ เวลาดังกล่าวแล้ว ภาพวาดตามกำแพงในหอเก็บศพของชาวอิตาเลี่ยนโบราณ (Etruscan Tomb) ได้มีรูปเครื่องมืออุปกรณ์ เช่น เขียง ไม้คลึงแป้ง 
อย่างที่ใช้ในการทำพาสต้า นอกจากนั้น ก็ยังมีหลักฐานในอดีตที่แสดงให้เห็นว่าชาวโรมันเคยทำแป้งโดจากแป้ง และน้ำ รีด และตัดเป็นเส้นรับประทานกับซอส



ไม่ว่าเส้นพาสต้าจะมีต้นกำเนิดชัดเจนที่ไหนเมื่อไร แต่ชาวซิซิเลียนนั้นเป็นคนกลุ่มแรกที่นำเส้นพาสต้าไปต้มในน้ำ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากชาวอาหรับ 
และในศตวรรษที่ 12 ก็มีหลักฐานที่สามารถชี้ว่า ชาวซิซิเลียนมีการรับประทานอาหารลักษณะเป็นเส้นยาวคล้ายกับเส้นสปาเก็ตตี้ในปัจจุบัน 
นอกจากนั้น ในศตวรรษที่ 13 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่มาร์โกโปโลจะกลับมาจากจีน ก็ได้มีตำราอาหารอิตาเลี่ยนซึ่งมีการทำพาสต้าในหลากหลายรูปทรง 
เช่น ราวีโอรี (Ravioli) เวอร์มิเซลี (Vermicelli) และ ทอร์เทลลี (Tortelli) ดังนั้น จึงไม่สามารถกล่าวได้ว่าพาสต้าได้รับอิทธิพลจากจีนอย่างแน่นอน 



ในยุคเรเนอซองส์ (Renaissance) พาสต้าเป็นอาหารที่มีอยู่ในร้านอาหารมากมายในอิตาลี ชาวฟลอเรนซ์ที่ร่ำรวยก็จะทานพาสต้าที่ปรุงด้วยเครื่องเทศ 
และน้ำตาลที่มีราคาสูง ส่วนคนที่ไม่ได้ร่ำรวยก็สามารถรับประทานพาสต้าที่ปรุงง่ายๆ ด้วยกระเทียม ชีส หรือผักพื้นเมืองต่างๆ


พาสต้าในยุคแรกๆ นั้น จะเป็นแบบสดทำง่ายๆ ในยุคหลังๆ จึงเริ่มมีพาสต้าแบบแห้งให้รูปทรงต่างๆ ออกมา ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากชาวเนเปิลส์ (Neapolitans) 
เนื่องจากดินในแถบเมืองเนเปิลส์นั้นเหมาะกับการปลูกข้าวสาลีดูรัม ประกอบกับสภาพอากาศ และลมทางตอนใต้เป็นสภาพที่เหมาะสมในการตากเส้นพาสต้า 
จึงทำให้อุตสาหกรรมการผลิตพาสต้าในเมืองเนเปิลส์นั้นขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และเส้นที่กำเนิดในช่วงเริ่มต้น ได้แก่ มักกะโรนี (Maccheroni) 
สปาเก็ตตี้ (Spaghetti) และตักเลียตะเล่ (Tagliatelle) ซึ่งเป็นเส้นพาสต้าที่ไม่มีส่วนประกอบของไข่ไก่แต่อย่างใด



ในช่วงแรกพาสต้าดูเหมือนจะเป็นอาหารสำหรับคนจน นิยมเสิร์ฟง่ายๆ กับซอสมะเขือเทศ 
เนื่องจากมะเขือเทศเองก็เพาะปลูกได้ดีในสภาพอากาศที่ไม่แตกต่างจากข้าวสาลีดูรัม


ในช่วงแรกพาสต้าดูเหมือนจะเป็นอาหารสำหรับคนจน นิยมเสิร์ฟง่ายๆ กับซอสมะเขือเทศ 
เนื่องจากมะเขือเทศเองก็เพาะปลูกได้ดีในสภาพอากาศที่ไม่แตกต่างจากข้าวสาลีดูรัม




สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-661-9399 หรือ Line: @Eliteholiday





JUNGFRAU JOCH TOP OF EUROPE


JUNGFRAU JOCH TOP OF EUROPE


ยอดเขาจุงเฟรา หรือ จุงเฟรายอร์ค (Jungfraujoch) เป็นส่วนหนึ่งในเทือกเขาแอลป์ ตั้งอยู่ในรัฐแบร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปยุโรปและ ยังได้รับการขนานนามว่าเป็น Top of Europe ส่วนยอดสูงสุดของจุงเฟรามีความสูงถึง 4,158 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และยังได้รับการยกย่องเป็นพื้นที่มรดกโลก ทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรปจากองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2001 
 

การเดินทางขึ้นไปบนยอดเขาจุงเฟรา เริ่มต้นที่สถานีรถไฟ Interlaken OST สามารถเลือกเดินทางได้ 2 เส้นทาง คือ ไปทางเมืองกรินเดลวาลด์ (Grindelwald) กับไปทางเมืองเลาเทอร์บรุนเนิน (Lauterbrunnen) และจะไปเจอกันที่สถานีไคลน์ไซเด็ก (Kleine Scheidegg) จากนั้นก็เปลี่ยนขบวนไปนั่งรถไฟสีแดงซึ่งเป็นรถไฟที่วิ่งช้าที่สุดในโลก เพื่อเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาจุงเฟราที่สถานีสุดท้าย จุงเฟรายอร์ค (Jungfraujoch) สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป อยู่ที่ความสูง 3,454 เมตร


บนยอดเขาจุงเฟราเราสามารถสัมผัสบรรยากาศ Top of Europe ได้ที่อาคารสังเกตการณ์ Sphinx จุดชมวิวที่สูงที่สุดบนยอดเขาแห่งนี้ อยู่ที่ระดับความสูง 3,571 เมตร ในวันที่อากาศดีๆ ยังสามารถออกไปสัมผัสหิมะและธารน้ำแข็ง Aletsch Glacier ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ได้อีกด้วย


นอกจากนี้ยังสามารถชม Ice Palace ถ้ำน้ำแข็งพันปีที่ไม่มีวันละลาย เกิดจากการขุดเจาะใต้ธารน้ำแข็ง Glacier ลึกลงไป 30 เมตร ภายในจะมีผลงานศิลปะเป็นน้ำแข็ง แกะสลักอยู่ตามจุดต่างๆ ให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก


สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-661-9399 หรือ Line: @Eliteholiday

Lauterbrunnen ใจกลางหุบเขา


Lauterbrunnen ใจกลางหุบเขา


Lauterbrunnen เมืองเรียบง่าย ท่ามกลางหุบเขา เป็นหมู่บ้านในรัฐแบร์นของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สำหรับท่านที่ไปเที่ยวที่จุงเฟรา หรือ ไปพักที่อินเทอร์ลาเก้น ไม่ควรพลาดที่จะมาเยือนเมืองเล็กๆ แห่งนี้ Lauter Brunnen แปลว่า many fountains ความหมายคือ น้ำพุมากมาย ชี้ให้เห็นความงดงามของภูมิทัศน์นี้



น้ำตกที่เมืองนี้มีชื่อเสียงมากที่สุดคือน้ำตก ชเตาบ์บาค (Staubbach) เป็นน้ำตกที่พุ่งดิ่งถาโถมลงมาจากหน้าผาหินเกือบ 300 เมตร และเป็นหนึ่งในน้ำตกที่ตกลงมาแบบม้วนเดียวจบ ที่สูงที่สุดในยุโรป


เลาเทอร์บรุนเนิน (Lauterbrunnen) เป็นหมู่บ้านในรัฐเบร์นของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ลึกเข้ามาจากเมืองอินเทอร์ลาเก้นราว 12 กิโลเมตร และตั้งอยู่กลางหุบเขาสูงชัน ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง และหมู่บ้านเลาเทอร์บรุนเนินยังเป็นทางผ่านไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ ในแถบเทือกเขาแอลป์ของสวิตเซอร์แลนด์


นอกจากนี้ลาเทอร์บรุนเนิน ยังเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดของการอนุรักษ์ธรรมชาติในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ สำหรับเมืองเล็กๆ เมืองเลาเทอร์บรุนเนิน อาจจะเป็นเมืองที่ไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่ถ้าหากได้แวะมาเที่ยวจะต้องหลงรักอย่างแน่นอน และยังเป็นเมืองที่สามารถเที่ยวได้ทุกฤดูอีกด้วย




หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-661-9399 / LINE : @eliteholiday




Disneyland Paris!


Let’s go to Disneyland Paris!


ศูนย์รวมจินตนาการที่สุดแสนจะวิเศษแห่งโลกเทพนิยาย เป็นสวนสนุกแห่งที่สองที่เปิดนอกประเทศอเมริกา USA และเป็นดิสนีย์แลนด์แห่งแรกและแห่งเดียวของยุโรป จึงไม่น่าแปลกใจที่ดิสนีย์แลนด์ปารีสจะเป็นสวนสนุกที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของยุโรปที่ไปแล้วคุ้มค่าจริงๆ


- ดิสนีย์แลนด์ ปารีส (Disneyland Paris) หรือ Euro Disneyland เป็นศูนย์รวมจินตนาการที่สุดแสนจะวิเศษโลกแห่งเทพนิยาย เป็นสวนสนุกแห่งที่สองที่เปิดนอกประเทศอเมริกา และเป็นดิสนีย์แลนด์แห่งแรกและแห่งเดียวของยุโรป ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองปารีสประมาณ 30 กิโลเมตร


- ภายในสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ปารีส แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ Disney Studio หรือโรงถ่ายภาพยนตร์ของดิสนีย์แลนด์ ภายในเน้นความสวยงามและน่ารักของสถานที่ด้วยการประดับตกแต่งอย่างอลังการ เมื่อเข้าไปจะรู้สึกว่ากำลังอยู่ในเทพนิยายของดิสนีย์ ความรื่นเริงสนุกสนานของเหล่าตัวละครต่างๆ ของดิสนีย์


- อีกส่วนหนึ่งก็คือ Disneyland Park หรือโซนสวนสนุก ซึ่งเป็นโซนหลักของที่นี่ ภายในประกอบไปด้วยเครื่องเล่นต่างๆ 12 ชนิด เหมาะสำหรับเด็กเล็ก เด็กโต ไปจนถึงผู้ที่ชื่นชอบความหวาดเสียว และตื่นเต้น ภายในยังประกอบไปด้วยส่วนย่อยๆ อีก 4 ส่วน ได้แก่ Fantasy Zone, Discovery Land, Frontieland, Adventure Land


- ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลยคือช่วงเวลากลางคืน ที่สวนสนุกจะถูกประดับประดาไปด้วยแสงไฟทั่วทั้งบริเวณพร้อมกับขบวนพาเหรด
ที่ชวนให้ตื่นเต้นตื่นใจและหลงใหลราวกับต้องอยู่ในมนต์ตรา





สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-661-9399 หรือ Line: @Eliteholiday


ฟินแลนด์ ดินแดนต้นกำเนิดซาวน่า


ฟินแลนด์ ดินแดนต้นกำเนิดซาวน่า


ซาวน่า..กิจกรรมยอดฮิตของคนรักสุขภาพนั้น มีต้นกำเนิดมาจาก ประเทศฟินแลนด์ "ซาวน่า" ถือเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของชาวฟินแลนด์ ที่แทบทุกบ้านจะมีห้องซาวน่า เสมือนเป็นที่สำหรับพักผ่อน ผ่อนคลายความเครียด เรียกได้ว่าซาวน่าคือส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของชาวฟินน์เลยก็ว่าได้


ซาวน่าถือเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของฟินแลนด์ ที่แทบทุกบ้านจะมีห้องซาวน่า และยังถือว่าเป็นธรรมเนียมปฎิบัติ ในการฉลองเทศกาลและวันสำคัญต่างๆ อาทิ คริสต์มาส ปีใหม่ อีสเตอร์ และ Juhannus อีกด้วย สถิติแล้วพบว่าฟินแลนด์มีประชากรไม่มากแต่มีห้องซาวนาถึงหนึ่งห้องต่อชาวฟินแลนด์สามคน


ลักษณะของห้องซาวน่าเป็นห้องที่ทำจากไม้ทั้งหมด ภายในห้องจะมีมิเตอร์บอกอุณหภูมิ มีระบบระบายอากาศที่ดีและทันสมัย ก่อนจะเข้าซาวน่า ต้องทำการอุ่นห้องซาวน่าให้ร้อน และควรชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อน วิธีการซาวน่า คือ การราดน้ำลงบนเตาหิน เพื่อดึงความร้อนออกมาจากหิน เมื่อราดน้ำลงบนเตา ความร้อนจากหินก็จะกระจายตัวขึ้น และจะใช้ระยะเวลาในการซาวน่า ประมาณรอบละ 10-15 นาที แล้วแต่บุคคล พอรู้สึกว่าเหงื่อออกท่วมตัวแล้ว จึงออกมาล้างตัวด้วยน้ำเย็น แล้วก็กลับเข้าไปใหม่ ประมาณ 2-3 รอบ จนกว่าจะพอใจ


เคล็ดลับสุขภาพดีอีกอย่างหนึ่ง ของการซาวน่า คือ การนวดตัวด้วย vasta ที่ทำมาจากกิ่งของต้น koivu วิธีใช้คือ นำ vasta ไปชุบน้ำ นำมาฟาดลงตามตัว เป็นการนวดตัว เพื่อให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย





หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-661-9399 / LINE : @eliteholiday

AURORA BOREALIS FINLAND ปรากฏการณ์แสงเหนือและแสงใต้


AURORA BOREALIS FINLAND ปรากฏการณ์แสงเหนือและแสงใต้


แสงเหนือ ภาษาอังกฤษ มีชื่อเรียกว่า ออโรร่า บอเรลลีส (Aurora Borealis) ตั้งขึ้นโดย กาลิเลโอ กาลิเลอิ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง โดยแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ก่อให้เกิดความสวยงามตระการตาไปทั่วท้องฟ้า มองดูคล้ายๆ หมู่ดาวและแสงจากท้องฟ้ากำลังเต้นระบำอย่างงดงาม ซึ่งแสงออโรร่าปรากฏในหลายสีด้วยกัน มีทั้งแสงสีเขียว แสงสีฟ้า แสงสีชมพู สีแดง สีเหลือง หรือแม้กระทั่งสีม่วงก็เคยมีให้เห็นกันมาแล้ว 


ทั้งนี้แสงออโรร่ามักจะเกิดในบริเวณแถบขั้วโลก โดยหากเกิดในทางเหนือก็จะเรียกว่าแสงเหนือ แต่หากเกิดขึ้นทางใต้ก็จะถูกเรียกว่าแสงใต้ หรือภาษาอังกฤษ คือ Aurora Australis แต่หากใช้คำว่า Aurora Polaris จะหมายถึง แสงขั้วโลก ใช้เรียกทั้งแสงเหนือและแสงใต้


ปรากฏการณ์แสงเหนือ แสงใต้ เกิดจากการชนกันระหว่างก๊าซในชั้นบรรยากาศโลกกับอนุภาคไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ ก่อให้เกิดการระเบิดเป็นลำแสงสีต่างๆ กันออกไป ขึ้นอยู่กับแสงนั้นเกิดขึ้นในช่วงชั้นบรรยากาศไหน และเกิดจากก๊าซอะไร 


ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการเกิดแสงเหนือจะอยู่ในช่วงฤดูหนาวของทางขั้วโลก ซึ่งเป็นช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม กุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน นอกจากนี้หากได้ไปเยือนขั้วโลกในขณะที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ไร้เมฆ มีความมืดมิดสนิท มีสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างปลอดมลพิษ และเป็นช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00-24.00 น. ก็จะยิ่งมีโอกาสในการเห็นแสงเหนือมากขึ้น




สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-661-9399 หรือ Line: @Eliteholiday

MUNICH GERMANY มิวนิค เมืองหลวงเบียร์



MUNICH GERMANY มิวนิค เมืองหลวงเบียร์



เมืองมิวนิค (Munich ) ประเทศเยอรมนี ในภาษาเยอรมันออกเสียงว่า “มึนเช่น” (Muenchen ) เมืองหลวงของรัฐไบเอิร์น (บาเยิร์น) หรือแคว้นบาวาเรียในภาษาอังกฤษและยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งเบียร์เยอรมันอีกด้วย ย้อนอดีตไปเมื่อราวศตวรรษที่ 10-11 มีพระจาก Tegernsee Abbey ได้มาตั้งรกรากที่ริมฝั่งแม่น้ำอีซาร์ (Isar) ซึ่งมีน้ำที่เขียวใสไหลลงมาจากเทือกเขา จึงเรียกชื่อเมืองนี้ว่า Muenchen มีรากศัพท์มาจากคำว่า Monche ในภาษาเยอรมันแปลว่า "พระ" ลักษณะที่แห่งนี้เมืองใหญ่อันดับ 3 ของเยอรมนี แม้จะไม่ใช่เมืองหลวงของประเทศดังเช่นกรุงเบอร์ลิน แต่ก็เป็นเมืองใหญ่ที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเมืองหลวงของประเทศเลย


ปราสาทนอยชวานชไตน์ ตั้งเด่นเป็นตระหง่านอยู่บนเนินเขาในเมืองฟุสเซ่น ( Fussen ) ซึ่งสามารถมองเห็นได้แต่ไกล เนื่องจากภูมิภาคแคว้นบาวาเรียนอัลไพน์ ประกอบfด้วย ภูเขา ทะเลสาบ นิยายปรัมปรา และปราสาทแสนสวย จนได้ชื่อว่าเป็นภูมิภาคที่สวยที่สุดของเยอรมนี ปราสาทแห่งนี้สร้างในสมัยของพระเจ้าลุดวิกที่ 2 ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 18-19 ลักษณะเป็นปราสาทสีขาวที่มีรูปทรงดุจดังปราสาทในเทพนิยายตามจินตนาการ ภายในปราสาทมีภาพวาดฝาผนังสวยงาม บรรยายเรื่องราวจากละครโอเปร่าของคีตกวีชาวเยอรมัน ริชาร์ด วาคเนอร์ พระสหายคู่พระทัย และยังมีเครื่องเรือนแกะสลักประณีตงดงามน่าชม


Ratskeller Restaurant มีมานานนับหลายสิบปีที่อยู่คู่วิถีชีวิตของชาวมิวนิคและที่น่าสนใจคือมี 1,100 ที่นั่ง และ 15 ห้องรับรอง ตั้งอยู่ใจกลางมิวนิก บรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ในห้องใต้ดินแบบนีโอโกธิคและใน Prunkhof อันน่าประทับใจถือเป็นสถานที่อีนน่าท่องเที่ยวที่แท้จริง!


Sheraton Westpark เป็นที่พักที่เหมาะสมในการมาเยือนมิวนิค ใช้เวลาเดินทางไปรอบๆ ใจกลางเมืองได้เพียง 5 นาที จากโรงแรม แถมยังมีห้องพักรับรองหลากหลายรูปแบบ แล้วยังเงียบสงบและสะดวกสบาย




หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-661-9399 / LINE : @eliteholiday

AMSTERDAM กิจกรรมที่จะทำให้คุณ..ตกหลุมรัก


AMSTERDAM กิจกรรมที่จะทำให้คุณ..ตกหลุมรัก


อิลิท ฮอลิเดย์ ขอนำทุกท่านสัมผัสกิจกรรมชิวๆที่ทุกท่านไม่ควรพลาด ณ เมืองอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงแห่งเนเธอร์แลนด์ อันรายล้อมไปด้วยทัศนียภาพงดงามและเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เหมาะแก่การเดินเล่นซึมซับบรรยากาศแสนโรแมนติกของเมืองน่ารักแห่งนี้ 


ชมสถาปัตยกรรม หรือ บุกพิพิธภัณฑ์เจ๋งๆในอัมสเตอร์ดัมมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่น่าสนใจ ให้ท่านได้ดื่มด่ำกับความงดงามของสถาปัตยกรรมและงานศิลป์ต่างๆ 
อาทิ ชมโบสถ์เก่า (O ude Kerk) หรือว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจหลายแห่ง ยกตัวอย่างเช่น พิพิธภัณฑ์แวนโกะห์อันโด่งดัง


ปั่นจักรยาน-ล่องเรือชมเมืองอัมสเตอร์ดัม เมืองที่รายล้อมไปด้วยทัศนียภาพงดงามและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ การชมเมืองจึงเป็นกิจกรรมหนึ่งที่พลาดไม่ได้อย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นการขี่จักรยานชมเมืองก็น่าสนใจ เพราะอัมสเตอร์ดัมถือเป็น ‘เมืองหลวงจักรยานโลก’เลยทีเดียว อีกทั้งอัมสเตอร์ดัมยังมีลักษณะเป็นเกาะล้อมรอบไปด้วย คูคลองการล่องเรือชมทิวทัศน์และสถาปัตยกรรมที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ก็ถือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความนิยม


ชิมวาฟเฟิลสอดไส้คาราเมล วาฟเฟิลสอดไส้คาราเมล หรือที่ภาษาดัตช์เรียกว่า Stroopwafel เป็นขนมหวานประจำชาติที่ได้รับความนิยมอย่างมาก 
สามารถหาทานของแท้ต้นตำรับที่ยืนทำกันแบบสดๆในตลาดที่อัมสเตอร์ดัม โดยการกินอย่างถูกวิธีต้องเอามาวางบนปากถ้วยกาแฟ 
ให้คาราเมลด้านในเยิ้มๆ อุ่นๆ พร้อมละลายในปาก กัดเข้าไปแล้วฟินอย่าบอกใคร


ดื่มเบียร์ไฮเนเก้น ไฮเนเก้นหนึ่งในแบรนด์สินค้าของชาวดัตช์ที่โด่งดังไปทั่วโลก ที่เมืองนี้ยังมี Heineken Experience ซึ่งออกแบบมาเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ มีทั้งร้านขายสินค้าพรีเมี่ยม พิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าประวัติ และไฮไลท์อย่างการพาทัวร์โรงงานผลิตเบียร์ ที่โชว์ความพิถีพิถันในการผลิตและสอนดื่มเบียร์อย่างถูกวิธี
ใครเป็นคอเบียร์จึงไม่ควรพลาด


สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-661-9399 หรือ Line: @EliteHoliday