ก่อนจะย่างก้าวสู่...เกาะไต้หวัน
การคิดจะแพคกระเป๋า และเดินทางออกนอกประเทศซักครั้ง การเรียนรู้พื้นฐานต่างๆของประเทศนั้นๆ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้เลย สำหรับนักเดินทางมือใหม่ และมือเก่า ที่อาจจะต้องอัพเดทข้อมูลใหม่ๆ อยู่เสมอ...
ไต้หวัน เกาะเล็กๆ กลางมหาสมุทรแปซิฟ็ ประเทศที่รวมความศิวิไลซ์ของญี่ปุ่น และวัฒนธรรมอันยาวนานของจีนเอาไว้ด้วยกัน ส่วนใหญ่ เราจะได้ยินชื่อของ ไต้หวัน ในด้านของอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ “made in Taiwan” ซึ่งเชื่อว่า มีคุณภาพที่ดีกว่าผลิตจากจีนแผ่นดินใหญ่ และยังมีผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊ก แผ่นซีดี ยี่ห้อชั้นนำจากไต้หวัน นอกจากนี้ยังมีแฟชั่นเสื้อผ้าสตรีราคาถูก นำเข้าจากไต้หวันที่สาวๆ ชื่นชม ในรูปแบบการดีไซน์ รวมทั้ง ดาราไต้หวันหน้าตาดี ทั้ง F4 อู๋จุน แต่คนไทยจะรู้มั้ยว่า จริงๆแล้ว ไต้หวันมี วัฒนธรรม และภูมิประเทศที่เป็นธรรมชาติต่างๆที่สวยงามมากๆ ปัจจุบัน คนที่ทราบเกี่ยวกับข้อมูลการท่องเที่ยวเหล่านี้ มักจะเป็น คนจีนแผ่นดินใหญ่ คนญี่ปุ่น และชาวแคนาดา สำหรับคนไทยแล้ว การท่องเที่ยวไต้หวัน ยังถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยอยู่ สังเกตุได้ไม่ยาก นั่นคือ ลองมองไปตามแผงหนังสือต่างๆ แล้วหาหนังสือท่องเที่ยวไต้หวัน ซักเล่ม ดูเหมือนจะเป็นงานยากเอาการ ทีเดียว ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็จะเจอแต่ เที่ยวเกาหลี ฮ่องกง มาเก๊า หรือประเทศในยุโรป ส่วนแชมป์ชนะเลิศ ก็ต้องยกให้ ญี่ปุ่น เค้าหล่ะ
การเดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศไต้หวัน นั้นอาจจะมีอุปสรรคเล็กๆน้อยๆ 2 ประการ นั่นคือ
ภาษา ทุกวันนี้คนไต้หวัน ใช้ภาษาจีนกลางในการสื่อสาร และใช้อักษรจีนตัวเต็ม ในการเขียนหนังสือ ต่างๆ แต่ว่าอุปสรรคข้อนี้จะหมดไปทันที ถ้าเรามีความกล้า พอที่จะเดินดุ่ยๆ เข้าไปสอบถาม เส้นทางกับเจ้าถิ่น พร้อมกับออกร่ายวิทยายุทธ์ด้วยภาษา ที่ใช้กันทั่วโลก นั่นคือ ภาษามือ พร้อมรอยยิ้มอันสดใส เท่านั้นเอง คนไต้หวันส่วนใหญ่ พร้อมใจที่จะช่วยเหลือนักท่องเที่ยวต่างๆถิ่นอยู่แล้ว และอัตราการใช้ภาษาอังกฤษของชาวไต้หวัน ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว (ถ้าไม่ใช่คุณลุง คุณป้ายุคโบราณนะ)
วีซ่า ก่อนที่เราจะออกไปซ่าที่ไต้หวัน การเดินทางเข้าประเทศนี้ จำเป็นต้องขอวีซ่าจากทางสถานฑูตไต้หวัน ณ ชั้น 20 อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ถ.สาธรใต้ เปิดให้ยื่นได้ตั้งแต่ 9.00-12.00 และเปิดรับวีซ่า ช่วง 13.00-15.00 น. ในส่วนของเอกสารที่ต้องเตรียม ก็จะเป็น เอกสารที่คล้ายๆ การขอวีซ่าญี่ปุ่น นั่นคือ รูปถ่าย 2 นิ้ว, สำเนาทะเบียนบ้าน, ใบรับรองการทำงาน, สำเนาสมุดบัญชี, ตั๋วเครื่องบิน และที่ขาดไม่ได้เลยคือ พาสปอร์ต เมื่อเตรียมเอกสาร และเตรียมใจเรียบร้อย ก็จัดการยื่นวีซ่าได้เลย ค่าธรรมเนียมในการยื่นวีซ่า ไม่ถูกและไม่แพงเท่าไหร่คือ 1,500.- บาท
หากสามารถผ่านอุปสรรค 2 ข้อนี้ไปได้ อะไรๆ ในไต้หวันก็สบายไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
อาหารการกิน เนื่องจาก อาหารของไต้หวัน จะเป็นอาหารที่ออกแนวอาหารจีน แต่ว่ารสชาติจัดจ้านกว่า เพราะฉะนั้น คนไทยสามารถทานได้อย่างสบายๆ นอกจากเรื่องของรสชาติแล้ว การซื้อหา ของกิน ของทานเล่นในไต้หวัน ก็มีให้เลือกหลากหลาย และละลานตาไปหมด ไม่ว่าจะเป็น ร้านหรู ร้านข้างทาน รถเข็นขายอาหาร ตลอดจนร้านอาหารแปลกๆ ที่อาศัยการตกแต่ง ร้านให้ดูแปลกตา และเชื้อเชิญเหล่านักท่องเที่ยว ให้ได้ชิมบรรยากาศของร้าน พร้อมทั้งลิ้มลอง อาหารเลิศรส จากพ่อครัวสุดเก่งของทางร้าน เช่น ภัตตาคารร้อยล้าน, Modern Toilet, ภัตตาคารนินจา, ภัตตาคารแบบโรงพยาบาล หรือจะเป็น ร้านของหวานน่ารักๆ อย่าง KITTY CAFÉ ก็มีให้เลือกสรร ส่วนอาหารที่เมื่อไปไต้หวัน แล้วไม่ควร พลาดนั้นคือ เต้าหู้เหม็น ที่ท้าทายให้ลองบีบจมูกทานดูซักครั้ง เราสามารถหาซื้อเต้าหู้เหม็นได้ตั้งแต่ ในภัตตาคาร ตลอดจนร้านขายของข้างทาง ตามไนท์มาร์เก็ตต่างๆ แต่ถ้าอยากได้รสชาติ พร้อมบรรยากาศสไตล์ไต้หวัน แบบแท้ๆ ขอแนะนำว่า ให้เลือกลิ้มลองเต้าหู้เหม็นที่วางขายอยู่ตามไนท์มาร์เก็ต น่าจะเวิร์คกว่า...
เส้นทางการเดินทาง การท่องเที่ยวในประเทศไต้หวัน นั้นง่าย แสนง่าย เนื่องจาก การคมนาคมสามารถเชื่อมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆทั่วทั้งเกาะไต้หวัน เอาไว้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้าใต้ดิน ที่วิ่งทั่วเมืองไทเป ที่เรียกว่า MRT หรือจะเป็น รถไฟราง TRA ที่มีเส้นทางวิ่งรอบเกาะไต้หวัน หรือจะเลือกเป็น HSR รถไฟหัวจรวด รถไฟหัวกระสุน หรือรถไฟฟ้าความเร็วสูง ระบบคมนาคมใหม่กิ๊กของไต้หวัน ความเร็วระดับที่ชินคังเซนในญี่ปุ่นต้องยกให้เป็นน้อง ที่วิ่งไปตามเมืองสำคัญๆต่างๆ เพื่อย่นระยะเวลาการเดินทาง ให้แก่ผู้เดินทาง หรือจะเลือกเดินทางแบบ ชิลล์ด้วย รถประจำทาง ที่สะดวก สะอาด และ รวดเร็ว ที่สำคัญ ติดแอร์ และปิดประตูทุกครั้งที่วิ่ง (ไม่เหมือนบ้านเรานะ) นอกจากนี้ยังมี การคมนาคม ที่มีอยู่ทั่วโลก นั่นคือ TAXI ส่วนใหญ่จะวิ่งตามเมืองใหญ่ๆ และคนขับมักพูดได้แต่ภาษาจีน ค่าโดยสารก็จะคิดตามระยะทางเหมือนๆ บ้านเรา เพียงแต่ค่าโดยสารแพงกว่า ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 70 NT
อัตราค่าเงิน การคิดค่าเงินในไต้หวันนั้น รู้สึกว่ามันเป็นมิตรต่อคนหัวอ่อนคณิตเอามากๆ เพราะว่าเมื่อเทียบกับเงินบาทไทยแล้ว ต่างกันไม่ถึง 0.1 ทำให้การเลือกซื้อ หรือ จับจ่ายซื้อของได้อย่างสะดวกสบาย แทบจะไม่ต้องคำนวณให้เมื่อยสมองเลย
สภาพอากาศ เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวต่างประเทศแล้ว สิ่งแรกๆที่คนเรามักนึกถึงคือ อากาศ เพราะว่าเราจะได้ทราบถึงวิธีการจัดกระเป๋า หรือจัดเตรียมสิ่งของในการท่องเที่ยวได้ถูกต้อง แล้วจะได้ทราบถึงโดยทั่วไปแล้วไต้หวัน มีอากาศเป็นแบบร้อนชื้น อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 22 องศาเซลเซียส ตามปกติแล้ว ชาวไต้หวันจะใช้เทศกาลเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า ฤดูกาลใหม่กำลังจะมาเยือน เช่น ภายหลังจากช่วงเทศกาลตรุษจีน ก็เข้าใกล้ฤดูใบไม้ผลิ แล้วอีกไม่นานก็จะเห็นดอกไม้บานสะพรั่งสวยงาม ทั่วทั้งเกาะไต้หวัน ช่วงฤดูใบไม้ผลิ จะอยู่ในระหว่างเดือน กุมภาพันธ์-เมษายน อุณหภูมิ ประมาณ 15-25 องศา ฤดูร้อน จะอยู่ในช่วง พฤษภาคม – สิงหาคม อุณหภูมิ 22-34 องศา พอหลังจากเทศกาลบ๊ะจ่างผ่านพ้นไป ฤดูร้อนของไต้หวัน ก็กำลังย่างก้าวเข้ามาทักทายเกาะเล็กๆ กลางมหาสมุทรแห่งนี้ ฤดูใบไม้ร่วง เป็นฤดูกาลที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะอากาศกำลังเย็นสบาย อยู่ในช่วง กันยายน- พฤศจิกายน อุณหภูมิ 19-25 องศา ลมเย็นๆ กำลังสบายๆ สำหรับชาวไทยอย่างเราๆ จากนั้นก็จะเข้าสู่ฤดูหนาว แต่อย่าคิดจะไปเล่นหิมะที่ไต้หวันนะคะ เพราะว่า ไต้หวันไม่มีหิมะ มีแต่อากาศหนาวๆ ที่ต้องเตรียมเสื้อผ้าหนาๆ ไปกันลมเท่านั้นเอง อุณหภูมิจะอยู่ในช่วง 15-20 องศา ประมาณเดือนธันวาคม – มกราคม
เห็นป๊ะ!! การท่องเที่ยวในไต้หวัน เป็นอะไรที่ง่ายๆ สบายๆ สำหรับชาวไทยอย่างเราๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าเงินที่คล้ายคลึงกัน สภาพอากาศ ที่เราสามารถใช้เสื้อผ้าจากไทยได้เลย ไม่ต้องเสียเงิน เสียเวลาไปหาซื้อใหม่ รวมทั้งอาหารที่ หากินได้ง่าย และรสชาติก็อร่อยใช้ได้ (แพ้อาหารไทยไปนิดเดียวเอง) ไม่มีอะไรต้องกังวล เมื่อเดินทางไปไต้หวัน ขอแค่วีซ่าผ่านเท่านั้นก็พอ...
ครั้งหน้าเราจะมาติดตามสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตติดกระแสของ ไทเปกัน!!
ก่อนที่จะค่อยๆย่างกายออกไปยังภูมิภาคอื่นๆต่อๆไป
อย่าลืมว่า ไต้หวัน มีอะไรให้น่าเที่ยว มากกว่าเป็นเมืองที่ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์...
ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ น้ำใจ และมิตรไมตรีจากชาวไต้หวัน
ที่ค่อยโอบอุ้มการท่องเที่ยวไต้หวัน ให้ดูดีมีเสน่ห์ น่าหลงใหลตลอดไป